จากกรณีที่ครูพละโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดพิษณุโลกได้กระทำชำเราข่มขืนเด็กนักเรียน วัย 14 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.3 ตั้งแต่วันที่ 11 – 15 พ.ย. จำนวน 5 ครั้ง และได้เจรจาไกล่เกลี่ยชดเชยเงินจำนวน 300,000 บาท โดยมีผู้นำท้องที่คนหนึ่งเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็อยากให้ผู้บริหารของโรงเรียนย้ายครูคนดังกล่าวไปนอกพื้นที่
ทางพป.พิษณุโลก เขต 2 ได้มีคำสั่งให้ครูพละที่ก่อเหตุไปช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่ฯ
แต่เด็กที่ถูกละเมิดเกิดความอายและไม่กล้าไปเรียนหนังสือ ประกอบกับมีกระแสข่าวว่าครูพละจะกลับมาสอนที่โรงเรียนเดิมอีกในเร็ววันนี้ ทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะกลัวว่าบุตรหลานของพวกตนจะตกเป็นเหยื่อของครูคนดังกล่าว ความคืบหน้าในวันนี้ (9 ธ.ค.) นายธัญพิสิษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) ครูพละที่เป็นผู้ต้องหาได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ โดยมี พ.ต.ท.จักรภัทร อิ่มหนำ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.วังทอง เป็นผู้รับมอบตัว และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบก่อนนำตัวเข้าห้องขัง
พ.ต.ท.จักรภัทร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามหมายจับจริง แต่ในเรื่องของคดีนั้น นายธัญพิสิษฐ์ ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน แต่ขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนเรื่องประกันตัวนั้นผู้ต้องหาต้องไปประกันตัวที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก
วานนี้ (9 ธ.ค.) ตำรวจสภ.หนองโดน ได้รับแจ้งเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นพัลซ่าร์ สีขาว ทะเบียน 4กฐ 6348 กรุงเทพ จมอยู่ในน้ำ และมีร่างผู้เสียชีวิตที่เหลือแต่โครงกระดูก จึงได้เข้าตรวจสอบพร้อมกับกองพิสูจน์หลักฐานสระบุรีและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
จากการตรวจสอบพบ เจ้าของรถคือ นางสาวกลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี ส่วนโครงกระดูกที่พบอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยมีการประสานญาติของเจ้าของรถ ซึ่งนางลั่นทม วงษ์สิงห์ อายุ 56 ปี ผู้เป็นแม่ เดินทางมาจากจังหวัดลพบุรี ได้มาถึงจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านนายอภิชาต มัธยัส อายุ 47 ปี น้องเขยของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นางสาวกลิ่นเกสร หรือ พี่ต่อ มีอาชีพเป็นเซลส์ขายปุ๋ย อยู่บริษัทผลิตปุ๋ยแห่งหนึ่งในอำเภอพระพุทธบาท และมีกิจการขายสเต็ก และเปิดร้านเช่าชุดไทยในตลาดอำเภอพระพุทธบาท
นางสาวกลิ่นเกสร ได้หายตัวไปพร้อมรถยนต์ เมื่อปี 2559 ซึ่งญาติๆ ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.พระพุทธบาท แต่คดีไม่คืบหน้า อีกทั้งได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องกับทางกองปราบปราม แต่ก็ไม่พบตัวนางสาวกลิ่นเกสร จนกระทั่งวันนี้มาพบกลายเป็นศพ เหลือแต่โครงกระดูกอยู่ภายในรถยนต์เก๋งของตนเอง
แม่ของผู้ตายเชื่อว่า ชายสูงอายุที่มาติดพันนางสาวกลิ่นเกสร คนล่าสุด น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องการเสียชีวิต เพราะลูกสาวเคยเล่าให้ฟังว่าทะเลาะกัน เพราะเรื่องหึงหวง และก่อนผู้ตายจะเสียชีวิต ได้บอกญาติๆ ว่า จะไปนอนพักที่บริษัทผลิตปุ๋ย ก่อนจะหายตัวไปนาน 3 ปี
นอกจากนี้ ตำรวจระบุว่า จากหลักฐานที่พบภายในรถของผู้ตาย เชื่อได้ว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะมีผ้าปูที่นอนมัดร่างผู้ตาย และจากพยานบุคคล ได้ให้การว่าก่อนเสียชีวิตได้คบหากับผู้ชายสูงอายุดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการผลิตปุ๋ยในอำเภอพระพุทธบาท
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น ต้องรอการตรวจสอบสภาพโครงกระดูกผู้ตาย รวมถึงหลักฐานภายในรถของผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าหนักใจ เนื่องจากหลักฐานที่พบในรถถูกแช่น้ำนานถึง 3 ปี และภายในรถเต็มไปด้วยดินโคลน ประกอบกับร่องรอยของฆาตกรอาจเลือนหายไป อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ายังมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปถึงฆาตกรรายนี้ได้
เร่งสืบพยานคดีเซลล์สาวถูกฆาตกรรมหมกรถจมน้ำ พบผู้ต้องสงสัยเพิ่ม
จากกรณีที่มีการพบรถเก๋งนิสสัน รุ่นพัลซ่าร์ สีขาว จมในคลองชลประทาน ในจ.สระบุรี โดยมีโครงกระดูกของน.ส.กลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เซลส์สาวที่หายตัวไปเมื่อปี 2559 อยู่ภายในรถ ล่าสุดวันนี้ (10 ธ.ค.) ตำรวจสภ.หนองโดน จ.สระบุรี ได้เปิดเผยความคืบหน้าในคดีนี้ว่า เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจ ยังต้องสอบพยานและรวบรวมหลักฐาน พร้อมทั้งประกอบหลักฐานจากตำรวจชุดสืบสวน
หลังจากนี้จะออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยทั้งหมด มาสอบปากคำ ซึ่งผู้เสียชีวิต ได้รู้จักกับเพื่อนชายหลายคน ทั้งเพื่อนที่มีอาชีพเดียวกัน คือ เซลส์ขายปุ๋ยในจังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงชายสูงอายุ ที่คอยสนับสนุนการทำธุรกิจ โดยเปิดร้านขายสเต็กและร้านให้เช่าชุดไทย ในอ.พระพุทธบาท
ส่วนปมสังหารนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ตัดใครออกจากประเด็น รวมถึงสามีเก่าของผู้ตาย ซึ่งผู้ตายเคยแจ้งความไว้ที่ สภ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ในข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายก่อน จะมีการหย่าร้างกันไป
นอกจากนี้ยังได้มีการประสานกับพนักงานของบริษัทประกันภัยวิริยะ เข้าตรวจสอบรถเก๋งของผู้ตายว่าช่วงในปีที่หายตัวไปนั้นยังทำประกันหรือไหม ถ้ายังมีการต่อประกันก็จะเสนอบริษัทเรื่องเงินตอบแทน
ขณะเดียวกันก็ได้สอบพยานซึ่งเป็นญาติ และแม่ของผู้ตาย ไปแล้ว 2 ปาก ยังคงเหลือ น้องสาวผู้ตาย และผู้ที่พบรถยนต์เก๋งผู้ตาย พร้อมทั้งพยานแวดล้อมจุดเกิดเหตุอีก 3 ปาก โดยได้ประสานข้อมูลจาก สภ.พระพุทธบาท เนื่องจากเมื่อทางญาติได้เข้าแจ้งความคนหายพร้อมรถไว้ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.59 มาประกอบหลักฐาน ส่วนผู้ต้องสงสัย ทางตำรวจ ยังไม่ตัดใครออกจากประเด็น เนื่องจาก ผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี มีชายมาติดพันหลายคนรวมถึงชายสูงอายุเจ้าของธุรกิจรายดังกล่าวด้วย
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร